เบต้าในด้านการเงินและตลาดหุ้นคืออะไร?
เบต้าคืออะไร?
อะไรคือเบต้าที่ดีสำหรับหุ้น?
ลองนึกภาพว่าคุณต้องการลงทุนในหุ้น แต่คุณไม่แน่ใจว่าจะระบุความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องได้อย่างไร คุณคงไม่อยากทำผิดพลาดขณะลงทุนเงินที่ได้มาอย่างยากลำบาก จะเป็นอย่างไรหากมีวิธีวัดความเสี่ยงของหุ้น? นี่คือที่มาของ "เบต้า"
เบต้าเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญสำหรับนักลงทุนในการวัดระดับความเสี่ยงของหุ้น โดยจะเปรียบเทียบการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นกับตลาดโดยรวม โดยให้ข้อมูลเชิงลึกว่าราคาหุ้นมีความผันผวนมากน้อยเพียงใดเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด
- ค่า 1 หมายความว่าหุ้นมีการเคลื่อนไหวตามตลาด
- ค่า น้อยกว่า 1 บ่งชี้ว่ามีความผันผวนน้อยกว่า
- ค่า มากกว่า 1 บ่งบอกว่ามีความผันผวนมากกว่าตลาด
ดังนั้น นักลงทุนที่ ไม่ชอบความเสี่ยง อาจชอบลงทุนในหุ้นที่มีค่าเบต้าต่ำกว่า ในขณะที่เทรดเดอร์ที่ยินดี รับความเสี่ยงมากกว่า อาจชอบลงทุนในหุ้นที่มีค่าเบต้าสูงกว่า
สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือเบต้าต้องอาศัยข้อมูลในอดีต ดังนั้นสุขภาพทางการเงินของบริษัทและแนวโน้มตลาดจึงควรนำมาพิจารณาด้วยเมื่อทำการตัดสินใจลงทุน แม้ว่าจะมีข้อจำกัด แต่เบต้ายังคงเป็นเครื่องมืออันมีค่าสำหรับนักลงทุนในการทำความเข้าใจระดับความเสี่ยงของหุ้นและศักยภาพในการได้รับผลตอบแทน
เบต้าคำนวณอย่างไร?
ในการคำนวณ beta ข้อมูลประวัติการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นจะถูกนำมาใช้เพื่อเปรียบเทียบกับการเคลื่อนไหวของราคาของตลาดโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เบต้าคำนวณโดยการดูที่ ความแปรปรวนร่วมของผลตอบแทนของหุ้น และผลตอบแทนของตลาด จากนั้นหารตัวเลขนั้นด้วย ความแปรปรวน ของผลตอบแทนของตลาด การคำนวณนี้จะแสดงตัวเลข ความผันผวน ของหุ้นที่เกี่ยวข้องกับตลาด
เนื่องจากอาศัยข้อมูลในอดีต มูลค่าจึงสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาตามสภาวะตลาดและปัจจัยอื่นๆ ที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งหมายความว่านักลงทุนไม่ควรพึ่งพาเบต้าเพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจลงทุน พวกเขาควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ด้วย เช่น สถานะทางการเงินของบริษัทและแนวโน้มของตลาด เพื่อประกอบการตัดสินใจโดยอาศัยข้อมูลรอบด้านว่าจะลงทุนในหุ้นตัวใด
เนื่องจากอาศัยข้อมูลในอดีต มูลค่าจึงสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาตามสภาวะตลาดและปัจจัยอื่นๆ ที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งหมายความว่านักลงทุนไม่ควรพึ่งพาเบต้าเพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจลงทุน พวกเขาควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ด้วย เช่น สถานะทางการเงินของบริษัทและแนวโน้มของตลาด เพื่อประกอบการตัดสินใจโดยอาศัยข้อมูลรอบด้านว่าจะลงทุนในหุ้นตัวใด
นอกจากนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าตัวบ่งชี้นี้ไม่ใช่ตัวบ่งชี้ระดับความเสี่ยงของหุ้นที่สมบูรณ์แบบเสมอไป ตัวอย่างเช่น เบต้าอาจไม่สามารถจับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมที่มีความผันผวนสูงหรือเผชิญกับความเสี่ยงเฉพาะอื่นๆ ได้ไม่ครบถ้วน
แม้ว่าจะมีข้อจำกัดเหล่านี้ แต่เบต้ายังคงเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการ รับข้อมูลเชิงลึก ในระดับความเสี่ยงของหุ้นและโอกาสที่จะรับผลตอบแทน
หุ้น Vs เบต้า: ทำไมต้องใช้เมื่อทำการซื้อขาย?
การใช้งานเบื้องต้นของเบต้าคือการ ให้ข้อมูลเชิงลึก เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของหุ้นกับตลาดในวงกว้าง หุ้นที่มีค่าเบต้าน้อยกว่า 1 อาจให้ระดับความเสถียรในช่วงที่ตลาดตกต่ำ ซึ่งสามารถดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการ ลดความเสี่ยง
ในทางกลับกัน หุ้นที่มีค่าเบต้ามากกว่า 1 อาจให้ มีศักยภาพมากขึ้น สำหรับผลตอบแทนในช่วงที่ตลาดขาขึ้น ซึ่งสามารถ น่าสนใจ สำหรับนักลงทุนที่ยินดีรับความเสี่ยงมากขึ้นเพื่อแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น
ข้อมูลนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายพอร์ตการลงทุนของตน เนื่องจากช่วยให้พวกเขาสามารถเลือกหุ้นที่มีระดับความสัมพันธ์กับตลาดที่ต้องการ ช่วยเหลือพวกเขาในการซื้อขายโดยรวม การจัดการความเสี่ยง
นอกจากนี้ เบต้ายังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความผันผวนของตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ การเลือกหุ้นที่มีค่าเบต้าต่ำจะช่วยลดความเสี่ยงด้านตลาด ในขณะที่การเลือกหุ้นที่มีค่าเบต้าสูงแทนอาจเพิ่มความเสี่ยงได้ แต่ยังให้ศักยภาพที่มากกว่าอีกด้วย
ตัวอย่างการคำนวณเบต้าด้วยเครื่องมือ
นักลงทุนมีหลายวิธีในการคำนวณค่าเบต้า รวมถึงการวิเคราะห์การถดถอย ความแปรปรวนร่วม และสหสัมพันธ์
การสาธิตการค้า: เงื่อนไขการซื้อขายจริงโดยไม่มีความเสี่ยง
เทรดโดยไร้ความเสี่ยงบนแพลตฟอร์มที่ได้รับรางวัลของ Skilling ด้วยบัญชีทดลอง 10k*
- การวิเคราะห์การถดถอย
- ใช้ข้อมูลราคาในอดีตเพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาในอนาคตและคำนวณค่าสัมประสิทธิ์เบต้าของหุ้น
- ความแปรปรวนร่วม
- วัดว่าตัวแปรสองตัวเคลื่อนเข้าหากันอย่างไร และสามารถใช้คำนวณเบต้าได้โดยพิจารณาว่าผลตอบแทนของหุ้นเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันหรือตรงกันข้ามกับผลตอบแทนของตลาดโดยรวม
- ความสัมพันธ์
- วัดความแข็งแกร่งของความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรสองตัว โดยค่าสหสัมพันธ์เชิงบวกใกล้กับ 1 แสดงว่ามีค่าเบต้าสูง และค่าสหสัมพันธ์เชิงลบใกล้กับ -1 ซึ่งบ่งชี้ค่าเบต้าต่ำ
วิธีการเหล่านี้มีประโยชน์ในการหาค่าสัมประสิทธิ์เบต้าของหุ้นและความสัมพันธ์กับตลาดในวงกว้าง สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าเบต้าอาศัยข้อมูลในอดีตและไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่สมบูรณ์แบบของระดับความเสี่ยงของหุ้น
ด้วยการใช้วิธีการต่างๆ ร่วมกันและพิจารณาปัจจัยหลายๆ อย่าง นักลงทุนสามารถเข้าใจระดับความเสี่ยงของหุ้นและศักยภาพของผลตอบแทนได้อย่างครอบคลุมยิ่งขึ้น
บริษัทที่มีเบต้าประจำปีสูงสุดและต่ำสุดในปี 2024
หุ้นเบต้าสูงในปี 2024: อันดับแรกในรายการคือ Apache Corp (APA.US) โดยมีเบต้า 3.32 (ณ วันที่ 19 มกราคม 2024) สิ่งนี้บ่งชี้ว่า Apache Corp มีความผันผวนมากกว่าตลาด และเป็นผลให้เทรดเดอร์ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการลงทุนในหุ้นนี้ อันดับที่สองในรายการคือ Caesars (CZR.US) โดยมีเบต้า 2.9 (ณ วันที่ 19 มกราคม 2024) ต่อไป เรามี Devon Energy (DVN.US) โดยมีเบต้า 2.32 (ณ วันที่ 19 มกราคม 2024)
หุ้นเบต้าต่ำสุดในปี 2024: บริษัทชั้นนำที่มีเบต้าต่ำสุดในปี 2024 ได้แก่ Gilead Sciences (GILD.US) โดยมีเบต้าอยู่ที่ 0.309 (ข้อมูล ณ วันที่ 19 มกราคม 2024) ไฟเซอร์ (PFE.US) มาเป็นอันดับสองด้วยค่าเบต้า 0.555 (ณ วันที่ 19 มกราคม 2567) ตามมาด้วย AT&T (T.US) ด้วยค่าเบต้า 0.708 (ณ วันที่ 19 มกราคม 2567) หุ้นเบต้าต่ำเหล่านี้อาจไม่ให้ผลตอบแทนมหาศาลแก่คุณ แต่เป็นการลงทุนที่มั่นคงและปลอดภัยกว่า
สัมผัสประสบการณ์แพลตฟอร์มที่ได้รับรางวัลของ Skilling
ลองใช้แพลตฟอร์มการซื้อขายของ Skilling บนอุปกรณ์ที่คุณเลือกผ่านเว็บ Android หรือ iOS
บทสรุป
โดยสรุป เบต้าเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนต้องพิจารณาเมื่อประเมินหุ้น เป็นเครื่องมือที่ดีเยี่ยมในการประเมินระดับความเสี่ยงและผลตอบแทนที่อาจเกิดขึ้นของหุ้น โดยเฉพาะหุ้นที่มีความอ่อนไหวต่อความผันผวนของตลาด ด้วยการวิเคราะห์ค่าเบต้าของหุ้น นักลงทุนสามารถตัดสินใจโดยมีข้อมูลประกอบว่าตนยินดีรับความเสี่ยงมากน้อยเพียงใดโดยสัมพันธ์กับตลาดในวงกว้าง ช่วยให้พวกเขาสามารถจัดการพอร์ตโฟลิโอได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ เบต้ายังสามารถช่วยให้นักลงทุนป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงพอร์ตโฟลิโอโดยรวมในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน
ท้ายที่สุดแล้ว เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนที่ต้องจำไว้ว่าเบต้าเป็นเพียงหนึ่งในหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณาเมื่อประเมินหุ้น ปัจจัยต่างๆ เช่น ประสิทธิภาพการจัดการ การเงินของบริษัท และความเสี่ยงเฉพาะอุตสาหกรรม จะต้องนำมาพิจารณาด้วยเพื่อสร้างพอร์ตโฟลิโอที่มีความหลากหลาย ซึ่งสามารถทนต่อการขึ้นและลงของ ตลาดหุ้น
ด้วยการใช้เบต้าและเครื่องมือประเมินอื่นๆ ร่วมกัน นักลงทุนสามารถตัดสินใจโดยมีข้อมูลมากขึ้น และสร้างพอร์ตการลงทุนที่พร้อมรับมือกับความผันผวนและความไม่แน่นอนของตลาดได้ดียิ่งขึ้น
อยากรู้ว่าหุ้นซื้อขายกันอย่างไร?
เรียนรู้ฟรี:
- หุ้นประเภทต่างๆ
- การซื้อขายหุ้นทำงานอย่างไร
- ข้อดีของการซื้อขายหุ้น
- ประเภทของการแลกเปลี่ยน
- การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น
- วิธีอ่านหุ้น
คำถามที่พบบ่อย
1. เบต้าบอกเราอย่างไรเกี่ยวกับผลตอบแทนของหุ้น?
เบต้าช่วยให้เราทราบว่าราคาหุ้นจะเปลี่ยนแปลงได้มากเพียงใดเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในตลาด ตัวอย่างเช่น หากหุ้นมีค่าเบต้า 1.5 ในทางทฤษฎีหมายความว่าทุกๆ 1% ของการเปลี่ยนแปลงในตลาด เราสามารถคาดหวังว่าราคาหุ้นจะเปลี่ยนแปลง 1.5% ไปในทิศทางเดียวกัน
2. การใช้ Beta ในการลงทุนมีข้อจำกัดอะไรบ้าง?
แม้ว่าค่าเบต้าจะเป็นการวัดความผันผวนของหุ้นที่มีประโยชน์เมื่อเปรียบเทียบกับตลาด แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการ จะพิจารณาเฉพาะข้อมูลในอดีตเท่านั้น ดังนั้นจึงอาจไม่สามารถคาดการณ์ความผันผวนในอนาคตได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ เบต้าไม่ได้คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงในปัจจัยพื้นฐานของบริษัท เช่น การเปลี่ยนแปลงด้านการจัดการหรือการแข่งขันในอุตสาหกรรม สุดท้ายนี้ เบต้าจะวัดความเสี่ยงเชิงระบบของหุ้น แต่ไม่สนใจความเสี่ยงที่ไม่เป็นระบบ (ความเสี่ยงเฉพาะของบริษัทหรืออุตสาหกรรมเฉพาะ) ดังนั้นนักลงทุนควรใช้เบต้าร่วมกับตัวชี้วัดทางการเงินและปัจจัยเชิงคุณภาพอื่นๆ ในการตัดสินใจลงทุน
3. เบต้าเป็นลบได้หรือไม่?
ใช่ เบต้าอาจเป็นค่าลบได้ แม้ว่าจะค่อนข้างหายากก็ตาม ค่าเบต้าเชิงลบหมายความว่าหุ้นเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงกันข้ามกับตลาดโดยรวม สิ่งนี้อาจเป็นประโยชน์ในตลาดหมีที่หุ้นส่วนใหญ่กำลังลดลง อย่างไรก็ตาม หุ้นเบต้าติดลบอาจมีประสิทธิภาพต่ำกว่าในตลาดกระทิงเมื่อหุ้นส่วนใหญ่พุ่งขึ้น
4.Beta คำนึงถึงทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นหรือไม่?
ไม่ เบต้าจะวัดขนาดของการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่สัมพันธ์กับตลาดเท่านั้น ไม่ใช่ทิศทางของการเคลื่อนไหว ค่าเบต้าสูงไม่ได้หมายความว่าราคาหุ้นจะสูงขึ้นเสมอไป แต่หมายความว่าราคามีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวมากกว่าตลาด
5. ควรคำนวณเบต้าใหม่บ่อยแค่ไหน?
เนื่องจากเบต้าขึ้นอยู่กับข้อมูลในอดีต จึงควรคำนวณใหม่เป็นระยะเพื่อให้แน่ใจว่ายังคงแม่นยำ ความถี่ขึ้นอยู่กับความต้องการของนักลงทุน แต่โดยทั่วไปแล้ว การคำนวณค่าเบต้าใหม่ทุกปีถือเป็นแนวทางปฏิบัติที่ดี
6. Beta มีประโยชน์กับหุ้นทุกประเภทหรือไม่?
เบต้ามีประโยชน์มากที่สุดสำหรับหุ้นที่เป็นส่วนหนึ่งของดัชนีตลาดขนาดใหญ่ เช่น SPX 500 สำหรับหุ้นที่ไม่รวมอยู่ในดัชนีเหล่านี้ หรือสำหรับหุ้นในตลาดเกิดใหม่ เบต้าอาจไม่แม่นยำหรือมีประโยชน์เท่าที่ควร
7. มีเมตริกอื่นๆ ใดบ้างที่ควรพิจารณาควบคู่ไปกับเบต้า
นักลงทุนควรพิจารณาตัวชี้วัดอื่นๆ เช่น Alpha (ซึ่งวัดประสิทธิภาพของหุ้นเทียบกับตลาด), R-squared (ซึ่งวัดความสัมพันธ์ระหว่างประสิทธิภาพของหุ้นกับตลาด) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (ซึ่งวัดความผันผวนของหุ้น) นอกจากนี้ ควรพิจารณาเมตริกการวิเคราะห์พื้นฐาน เช่น P/E ratio อัตราเงินปันผลตอบแทน และการเติบโตของรายได้ด้วย
ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้รับประกันหรือคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต