expand/collapse risk warning

การซื้อขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินบนอัตรากำไรขั้นต้นมีความเสี่ยงสูงและไม่เหมาะสำหรับนักลงทุนทุกคน โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงอย่างเต็มที่และดูแลความเสี่ยงที่เหมาะสม

การซื้อขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินด้วยเงินประกันมีความเสี่ยงสูง และไม่เหมาะสำหรับนักลงทุนทุกราย โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจถึงความเสี่ยง และดูแลจัดการความเสี่ยงของคุณอย่างเหมาะสม

การลงทุนของคุณมีความเสี่ยง

เงื่อนไขการซื้อขาย

การวิเคราะห์ทางเทคนิค ในการซื้อขาย: คู่มือสำหรับผู้เริ่มต้น

นักธุรกิจที่ใช้แล็ปท็อปเพื่อ การวิเคราะห์ทางเทคนิค ในสำนักงาน

การวิเคราะห์ทางเทคนิค เป็นเครื่องมือสำคัญในชุดเครื่องมือของเทรดเดอร์ แต่จริงๆ แล้วมันคืออะไรกันแน่? บทความนี้แจกแจงแนวคิดของ การวิเคราะห์ทางเทคนิค แสดงวิธีดำเนินการโดยใช้ตัวอย่างจริง อธิบายว่าทำไมจึงสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ และตอบคำถามที่พบบ่อย ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้นหรือต้องการปรับแต่งกลยุทธ์การซื้อขาย การทำความเข้าใจ การวิเคราะห์ทางเทคนิค เป็นสิ่งสำคัญ

การวิเคราะห์ทางเทคนิค คืออะไร?

การวิเคราะห์ทางเทคนิค เป็นวิธีการที่เทรดเดอร์ใช้เพื่อคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของตลาดในอนาคตโดยพิจารณาจากข้อมูลตลาดในอดีต โดยหลักๆ คือราคาและปริมาณ โดยเกี่ยวข้องกับการศึกษาแผนภูมิและใช้ตัวเลขทางสถิติเพื่อระบุแนวโน้มและรูปแบบที่สามารถแนะนำว่าตลาดจะมุ่งหน้าไปยังทิศทางใด ขึ้นอยู่กับแนวคิดที่ว่าการเคลื่อนไหวของราคาในอดีตและแนวโน้มของตลาดสามารถให้เบาะแสเกี่ยวกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้

วิธีนี้เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ข้อมูลตลาด โดยเน้นที่ราคาและปริมาณเป็นหลัก และใช้ข้อมูลนี้เพื่อระบุรูปแบบและแนวโน้ม

การวิเคราะห์ทางเทคนิค ทำอย่างไร?

เพื่อทำการ การวิเคราะห์ทางเทคนิค ให้ทำตามขั้นตอนเหล่านี้:

  1. เลือกตลาด: เลือกตลาดหรือสินทรัพย์ที่คุณสนใจ เช่น หุ้น, คู่สกุลเงิน หรือ สินค้าโภคภัณฑ์.

    สัมผัสประสบการณ์แพลตฟอร์มที่ได้รับรางวัลของ Skilling

    ลองใช้แพลตฟอร์มการซื้อขายของ Skilling บนอุปกรณ์ที่คุณเลือกผ่านเว็บ Android หรือ iOS

    ลงชื่อ
  2. เลือกกรอบเวลา: ตัดสินใจเลือกกรอบเวลาสำหรับการวิเคราะห์ของคุณ เช่น แผนภูมิรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน
  3. ระบุแนวโน้ม: มองหารูปแบบการเคลื่อนไหวของราคา โดยทั่วไปราคาจะขยับขึ้น (bullish) ลง (bearish) หรือไซด์เวย์ (เป็นกลาง) หรือไม่?
  4. ใช้ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค: ใช้เครื่องมือ เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ และดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (RSI) หรือ โบลินเจอร์ แบนด์ เพื่อช่วยระบุสัญญาณการซื้อหรือขายที่เป็นไปได้
  5. ปริมาณการวิเคราะห์: ปริมาณสามารถยืนยันแนวโน้มได้ ตัวอย่างเช่น การเคลื่อนไหวของราคาที่มีปริมาณสูงมีความสำคัญมากกว่าการเคลื่อนไหวของราคาที่มีปริมาณต่ำ

ตัวอย่าง

เรามาดูตัวอย่างเชิงปฏิบัติของ การวิเคราะห์ทางเทคนิค เกี่ยวกับหุ้นสมมุติ ซึ่งเราจะเรียกว่า "ABC Corp" ตัวอย่างนี้จะแสดงกระบวนการวิเคราะห์หุ้นแบบทีละขั้นตอนโดยใช้เครื่องมือและแนวคิด การวิเคราะห์ทางเทคนิค

หุ้น: ABC Corp (บริษัทสมมุติ)

ขั้นตอนที่ 1: ดูแผนภูมิหุ้น

เลือกหุ้น: เรากำลังดูที่ ABC Corp. กรอบเวลา: เราใช้แผนภูมิที่แสดงราคาในแต่ละวันในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา

ขั้นตอนที่ 2: ดูว่าราคาจะไปในทิศทางใด

ตรวจสอบแนวโน้มราคา: เราเห็นว่าราคาหุ้นของ ABC Corp ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งหมายความว่ามันอยู่ในช่วงขาขึ้น

ขั้นตอนที่ 3: ใช้เครื่องมือง่ายๆ

ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่: เหมือนกับการวาดเส้นที่แสดงราคาเฉลี่ยของหุ้นในช่วง 50 วันที่ผ่านมา หากราคาหุ้นส่วนใหญ่อยู่เหนือเส้นนี้ถือว่ากำลังดี สำหรับ ABC Corp นั้นอยู่เหนือเส้นนี้

RSI (Relative Strength Index): เครื่องมือนี้ช่วยให้เราเห็นว่าหุ้นมีราคาแพงเกินไป (ซื้อมากเกินไป) หรือถูกเกินไป (ขายมากเกินไป) สำหรับ ABC Corp หมายเลข RSI อยู่ตรงกลาง ดังนั้นจึงไม่แพงหรือถูกเกินไป

ขั้นตอนที่ 4: มองหารูปแบบในราคา

ค้นหารูปแบบ: เราสังเกตเห็นรูปแบบที่หุ้นขึ้นมาก จากนั้นก็ขยับขึ้นลงเล็กน้อยแต่ไม่ได้ลงมากเกินไป รูปแบบนี้ดูเหมือนธงเล็กๆ และมักจะหมายความว่าหุ้นอาจขึ้นอีก

ขั้นตอนที่ 5: มีคนซื้อกี่คน?

ปริมาณการซื้อขาย: เราเห็นผู้คนจำนวนมากซื้อหุ้นเมื่อราคาเริ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี ในช่วงขาขึ้นและขาลงไม่ค่อยมีคนซื้อหรือขายมากนัก

ขั้นตอนที่ 6: ตัดสินใจว่าทั้งหมดนี้หมายถึงอะไร

สิ่งที่เราคิด: หุ้นขึ้น ไม่แพงเกินไป มีรูปแบบที่ดี คนซื้อเยอะมาก ทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่าราคาหุ้นอาจสูงขึ้นต่อไป สิ่งที่ต้องทำ: จากข้อมูลนี้ เทรดเดอร์อาจคิดว่าเป็นเวลาที่ดีที่จะซื้อหุ้น โดยคาดหวังว่าหุ้นจะขึ้นมากขึ้น

ตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นถึงแนวทางพื้นฐานในการดำเนิน การวิเคราะห์ทางเทคนิค เกี่ยวกับหุ้น โดยผสมผสานการวิเคราะห์แนวโน้ม ตัวชี้วัดทางเทคนิค รูปแบบกราฟ และการวิเคราะห์ปริมาณเพื่อสร้างมุมมองที่ครอบคลุม โปรดจำไว้ว่า นี่เป็นตัวอย่างที่เรียบง่ายสำหรับวัตถุประสงค์ทางการศึกษา และสถานการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริงอาจต้องมีการวิเคราะห์เชิงลึกมากขึ้นและการพิจารณาปัจจัยอื่นๆ

สไตล์การเทรดของคุณคืออะไร?

ไม่ว่าสนามแข่งขันจะเป็นอย่างไร การรู้จักสไตล์ของคุณคือก้าวแรกสู่ความสำเร็จ

ทำแบบทดสอบ

เหตุใดจึงสำคัญสำหรับเทรดเดอร์?

การวิเคราะห์ทางเทคนิค เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์เนื่องจาก:

  • พลังการคาดการณ์: ช่วยทำนายการเคลื่อนไหวของตลาดในอนาคต ทำให้เทรดเดอร์ได้เปรียบในการตัดสินใจ
  • กำหนดเวลาการซื้อขาย: ช่วยในการกำหนดเวลาที่เหมาะสมในการเข้าหรือออกจากการซื้อขาย
  • การจัดการความเสี่ยง: ด้วยการระบุแนวโน้มและการกลับตัวที่อาจเกิดขึ้น เทรดเดอร์สามารถจัดการความเสี่ยงได้ดีขึ้น
  • ความยืดหยุ่น: สามารถใช้ได้กับตลาดและกรอบเวลาต่างๆ

คำถามที่พบบ่อย

1. ฉันจำเป็นต้องมีซอฟต์แวร์พิเศษสำหรับ การวิเคราะห์ทางเทคนิค หรือไม่?

แม้ว่าจะมีซอฟต์แวร์และเครื่องมือพิเศษให้บริการ แต่แพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์จำนวนมากก็มีคุณลักษณะ การวิเคราะห์ทางเทคนิค ด้วย

2. การวิเคราะห์ทางเทคนิค มีไว้สำหรับการซื้อขายระยะสั้นเท่านั้นหรือไม่?

ไม่ได้ สามารถใช้กับกลยุทธ์การซื้อขายระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวได้

3. สามารถใช้ การวิเคราะห์ทางเทคนิค เพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจซื้อขายได้หรือไม่?

แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพ แต่ก็มักจะใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและวิธีการวิเคราะห์ตลาดอื่นๆ ได้ดีที่สุด

4. การวิเคราะห์ทางเทคนิค มีความแม่นยำเพียงใด?

ไม่มีวิธีใดที่สามารถทำนายความเคลื่อนไหวของตลาดได้แม่นยำ 100% แต่ การวิเคราะห์ทางเทคนิค สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกอันมีค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรวมกับเทคนิคการวิเคราะห์อื่นๆ

ประสิทธิภาพที่ผ่านมาไม่ได้รับประกันหรือคาดการณ์ประสิทธิภาพในอนาคต บทความนี้นำเสนอเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน โปรดทราบว่าในปัจจุบัน Skilling ให้บริการเฉพาะ CFDs เท่านั้น

สัมผัสประสบการณ์แพลตฟอร์มที่ได้รับรางวัลของ Skilling

ลองใช้แพลตฟอร์มการซื้อขายของ Skilling บนอุปกรณ์ที่คุณเลือกผ่านเว็บ Android หรือ iOS

ลงชื่อ

สไตล์การเทรดของคุณคืออะไร?

ไม่ว่าสนามแข่งขันจะเป็นอย่างไร การรู้จักสไตล์ของคุณคือก้าวแรกสู่ความสำเร็จ

ทำแบบทดสอบ