การนำทางโลกแห่งการซื้อขายไม่เพียงแต่ต้องอาศัยความรู้เกี่ยวกับตลาดเท่านั้น แต่ยังต้องเข้าใจเครื่องมือที่สามารถทำนายการเคลื่อนไหวของตลาดได้อีกด้วย บทความนี้จะทำให้เข้าใจตัวเลขกราฟได้ง่ายขึ้น และออกแบบมาสำหรับ เทรดเดอร์มือใหม่และเก๋า
สไตล์การเทรดของคุณคืออะไร?
ไม่ว่าสนามแข่งขันจะเป็นอย่างไร การรู้จักสไตล์ของคุณคือก้าวแรกสู่ความสำเร็จ
มันคืออะไร?
หัวใจของการวิเคราะห์ทางเทคนิค แผนภูมิเป็นแนวคิดหลักที่เชื่อมโยงพฤติกรรมของตลาดในอดีตเข้ากับความคาดหวังในอนาคต ตัวเลขกราฟคือรูปแบบที่โดดเด่นซึ่งเกิดจากการเคลื่อนไหวของราคาในกราฟทางการเงินที่เทรดเดอร์และนักวิเคราะห์ตีความว่าเป็นสัญญาณสำหรับกิจกรรมในตลาดในอนาคต รูปแบบเหล่านี้มีรากฐานมาจากจิตวิทยาของผู้เข้าร่วมตลาด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการชักเย่ออย่างต่อเนื่องระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ด้วยการศึกษารูปแบบเหล่านี้ เทรดเดอร์ตั้งเป้าที่จะคาดการณ์ว่าราคาของตราสารทางการเงินมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น ลดลง หรือดำเนินต่อไปในวิถีปัจจุบัน
รากฐานของตัวเลขแผนภูมิอยู่ที่ความเชื่อที่ว่าตลาดการเงินเป็นวัฏจักรและการเคลื่อนไหวของราคาไม่ได้เป็นแบบสุ่ม แต่เป็นไปตามแนวโน้มและรูปแบบที่สามารถระบุได้ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นซ้ำๆ เมื่อเวลาผ่านไป หลักการนี้ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมโดยรวมและแบบแผนของผู้เข้าร่วมตลาด ตัวอย่างเช่น กิจกรรมการซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันอาจก่อให้เกิดรูปแบบที่บ่งบอกถึงความต่อเนื่องของ แนวโน้มขาขึ้น รูปแบบที่เกิดจากการขายออกอาจบ่งบอกถึงการกลับตัวที่กำลังจะเกิดขึ้น
มันทำงานยังไง?
ตัวเลขกราฟมาในรูปทรงและขนาดต่างๆ ซึ่งมีผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต จากแนวโน้มเส้นธรรมดาที่ติดตามความเคลื่อนไหวของราคาสูงและต่ำไปจนถึงรูปแบบที่ซับซ้อน เช่น หัวและไหล่ ตัวเลขกราฟแต่ละกราฟบอกเล่าเรื่องราวของอารมณ์ความรู้สึกของตลาด ระดับแนวต้านและแนวรับที่อาจเกิดขึ้น และสถานะทางจิตวิทยาของผู้เล่นในตลาดที่เกี่ยวข้อง การทำความเข้าใจตัวเลขแผนภูมิต้องอาศัยทักษะและประสบการณ์ในการวิเคราะห์ผสมผสานกัน ประกอบด้วยการรับรู้รูปแบบเหล่านี้ท่ามกลาง 'สัญญาณรบกวน' ของความผันผวนของตลาด และการตีความผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต
เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์รู้จัก รูปแบบแผนภูมิ เหล่านี้ แต่พวกเขายังพิจารณาบริบทโดยรอบด้วย ไม่ว่าจะเป็น รั้น หรือ หยาบคาย ตลาด และปริมาณการซื้อขายที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบ การวิเคราะห์เชิงบริบทนี้ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของการคาดการณ์ตามตัวเลขแผนภูมิเหล่านี้
ประเภทของตัวเลขแผนภูมิ
มีตัวเลขกราฟจำนวนมาก ซึ่งแต่ละกราฟมีความหมายต่อทิศทางของตลาด ประเภทที่สำคัญ ได้แก่ :
รูปแบบต่อเนื่อง: แนะนำว่าตลาดจะยังคงมีแนวโน้มปัจจุบันต่อไปหลังจากการหยุดชั่วคราวช่วงสั้นๆ ตัวอย่างได้แก่ รูปสามเหลี่ยม ธง และธง
รูปแบบการกลับตัว: บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในทิศทางของตลาด รูปแบบทั่วไป ได้แก่ head and shoulders, double tops และ Bottoms และ inverse head and shoulders
รูปแบบทวิภาคี: รูปแบบเช่นสามเหลี่ยมสมมาตรสามารถส่งสัญญาณว่าราคาสามารถเคลื่อนไหวไปทางใดทางหนึ่งได้ โดยกำหนดให้เทรดเดอร์ต้องเตรียมพร้อมสำหรับผลลัพธ์ที่หลากหลาย
ด้วยการทำความเข้าใจตัวเลขกราฟประเภทต่างๆ เทรดเดอร์จึงสามารถเตรียมความรู้เพื่อรับรู้ถึงความรู้สึกของตลาดที่ซ่อนอยู่และการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้น ข้อมูลเชิงลึกพื้นฐานนี้สามารถช่วยสร้างกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของตลาดการเงิน ซึ่งเป็นการปูทางสำหรับการตัดสินใจอย่างมีข้อมูล
เหตุใดผู้ค้าจึงใช้ตัวเลขแผนภูมิเพื่อซื้อขาย
เทรดเดอร์หันไปหาตัวเลขบนกราฟด้วยเหตุผลหลายประการ ซึ่งทั้งหมดนี้ย้อนกลับไปที่วัตถุประสงค์หลักในการรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของตลาดในอนาคต รูปแบบเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นภาษาภาพของตลาด โดยให้เบาะแสเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของราคาครั้งต่อไปที่อาจเกิดขึ้นตามแนวโน้มในอดีต ต่อไปนี้เป็นข้อมูลเชิงลึกว่าทำไมตัวเลขกราฟจึงมีความสำคัญในการซื้อขาย:
จิตวิทยาตลาด: ตัวเลขแผนภูมิเป็นภาพสะท้อนของการกระทำโดยรวมและความรู้สึกของผู้เข้าร่วมตลาด แต่ละรูปแบบสรุปการต่อสู้ทางจิตวิทยาระหว่างวัวและหมี ช่วยให้เทรดเดอร์ได้มองเห็นความรู้สึกที่เกิดขึ้น การรับรู้รูปแบบเหล่านี้ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับอารมณ์ของตลาดในปัจจุบัน ซึ่งอาจเพิ่มโอกาสในการดำเนินการซื้อขายที่ประสบความสำเร็จ
การจัดการความเสี่ยง: เหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่เทรดเดอร์ใช้ตัวเลขแผนภูมิคือเพื่อ การจัดการความเสี่ยง รูปแบบเหล่านี้สามารถระบุไม่เพียงแต่จุดเริ่มต้นที่เป็นไปได้ แต่ยังรวมถึงจุดออกด้วย ช่วยให้เทรดเดอร์กำหนดคำสั่งหยุดการขาดทุนที่มีข้อมูลมากขึ้น ด้วยการระบุระดับสำคัญที่รูปแบบล้มเหลว เทรดเดอร์สามารถกำหนดเกณฑ์ที่ชัดเจนในการตัดขาดทุน ดังนั้นจึงจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จุดเข้าและออกเชิงกลยุทธ์: ตัวเลขแผนภูมิช่วยให้เทรดเดอร์ระบุจุดเข้าและออกเชิงกลยุทธ์โดยเน้นแนวโน้มและการกลับตัว ตัวอย่างเช่น การทะลุออกจากรูปแบบการรวมบัญชีสามารถส่งสัญญาณถึงจุดเริ่มต้นที่ดี ในขณะที่รูปแบบการกลับตัวที่สมบูรณ์อาจบ่งบอกว่าถึงเวลาที่ต้องออก การวางแผนเชิงกลยุทธ์ตามการสร้างกราฟนี้ช่วยให้เทรดเดอร์ปรับจังหวะการเทรดให้เหมาะสมเพื่อเพิ่มกำไรสูงสุดหรือลดการขาดทุนให้เหลือน้อยที่สุด
การเสริมสร้างวินัยในการซื้อขาย: การใช้ตัวเลขแผนภูมิช่วยส่งเสริมวินัยในหมู่เทรดเดอร์ แทนที่จะตัดสินใจอย่างหุนหันพลันแล่นตามการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้นหรือเหตุการณ์ข่าว เทรดเดอร์ที่ติดตามตัวเลขกราฟมีแนวโน้มที่จะยึดติดกับแผนการเทรดที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ระเบียบวินัยนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดในการซื้อขายทั่วไป เช่น การซื้อขายมากเกินไปหรือการซื้อขายตามอารมณ์
ความคล่องตัวในตลาดต่างๆ: ตัวเลขแผนภูมิไม่ได้จำกัดอยู่เพียงตลาดหรือประเภทสินทรัพย์เดียว สามารถนำไปใช้กับหุ้น ฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ และแม้แต่สกุลเงินดิจิตอล ความเก่งกาจนี้ทำให้พวกเขาเป็นเครื่องมืออันล้ำค่าสำหรับเทรดเดอร์ที่ดำเนินงานในตลาดหลายแห่ง ซึ่งเป็นวิธีการที่สอดคล้องกันในการวิเคราะห์สภาวะตลาดและการเคลื่อนไหวของราคาที่อาจเกิดขึ้น
แม้ว่าตัวเลขกราฟจะมีพลังในตัวเอง แต่มักจะใช้ร่วมกับการวิเคราะห์รูปแบบอื่นๆ เช่น การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน หรือตัวชี้วัดทางเทคนิคอื่นๆ แนวทางการวิเคราะห์ตลาดแบบองค์รวมนี้ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถยืนยันสัญญาณและปรับปรุงกลยุทธ์การซื้อขายของตน ซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจซื้อขายที่อาจทำกำไรได้
สัมผัสประสบการณ์แพลตฟอร์มที่ได้รับรางวัลของ Skilling
ลองใช้แพลตฟอร์มการซื้อขายของ Skilling บนอุปกรณ์ที่คุณเลือกผ่านเว็บ Android หรือ iOS
คำถามที่พบบ่อย
1. ตัวเลขกราฟสามารถรับประกันความเคลื่อนไหวของตลาดได้หรือไม่?
แม้ว่าตัวเลขกราฟสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกอันมีค่า แต่ไม่มีเครื่องมือใดสามารถรับประกันความเคลื่อนไหวของตลาดในอนาคตได้ เทรดเดอร์ควรใช้มันร่วมกับวิธีการวิเคราะห์อื่นๆ
2. ตัวเลขกราฟสามารถใช้ได้ในทุกตลาดหรือไม่?
ใช่ ตัวเลขกราฟสามารถนำไปใช้กับตลาดต่างๆ ได้ รวมถึงหุ้น ฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ และสกุลเงินดิจิทัล เนื่องจากตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงจิตวิทยาตลาดสากล
3. ต้องใช้เวลานานเท่าใดจึงจะเชี่ยวชาญตัวเลขแผนภูมิ?
การเรียนรู้แผนภูมิตัวเลขต้องใช้เวลาและการฝึกฝน เทรดเดอร์มักใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปีเพื่อฝึกฝนความสามารถในการรับรู้และตีความรูปแบบเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ