เส้นคอในธุรกิจการค้าคืออะไร?
ในการซื้อขาย เส้นคอเสื้อเป็นระดับสำคัญบนกราฟราคาที่ช่วยให้ผู้ซื้อขายมองเห็นการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในแนวโน้มของตลาด โดยทั่วไปจะเกี่ยวข้องกับรูปแบบ หัวและไหล่ ซึ่งเป็นรูปแบบกราฟยอดนิยม เส้นคอเสื้อทำหน้าที่เป็นเส้น แนวรับหรือแนวต้าน ซึ่งเชื่อมโยงจุดราคาที่สำคัญ
ตัวอย่างเช่น ในรูปแบบหัวและไหล่ เส้นคอจะเชื่อมจุดต่ำสุดที่เกิดขึ้นหลังจากจุดสูงสุดครั้งแรกและครั้งที่สอง เมื่อราคาเคลื่อนตัวต่ำกว่าเส้นนี้ อาจเป็นสัญญาณว่าแนวโน้มขาขึ้นก่อนหน้านี้อาจกลับตัวเป็นแนวโน้มขาลง เส้นคอจะช่วยให้เทรดเดอร์ตัดสินใจได้ว่าควรเข้าหรือออกจากการเทรดเมื่อใด
เส้นคอเสื้อบอกอะไรคุณเมื่อทำการซื้อขาย?
ในการซื้อขาย คอเสื้อเป็น ตัวบ่งชี้ ที่สำคัญที่สามารถช่วยให้เทรดเดอร์เข้าใจความเคลื่อนไหวของตลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ เมื่อกราฟราคาสร้างรูปแบบ เช่น หัวและไหล่ เส้นคอจะทำหน้าที่เป็นขอบเขตที่สำคัญ
หากราคาทะลุต่ำกว่าคอเสื้อในรูปแบบ head and shoulders แสดงว่า แนวโน้มขาขึ้น ก่อนหน้าอาจจะสิ้นสุดลงและแนวโน้มขาลงอาจเริ่มต้นขึ้น ในทางกลับกัน ในรูปแบบศีรษะและไหล่ผกผัน หากราคาสูงขึ้นเหนือเส้นคอ จะเป็นสัญญาณว่าแนวโน้มขาลงอาจสิ้นสุดลงและแนวโน้มขาขึ้นอาจเริ่มต้นขึ้น ข้อมูลนี้ช่วยให้เทรดเดอร์ตัดสินใจว่าจะซื้อหรือขายเมื่อใดตามการเปลี่ยนแปลงของตลาดที่คาดหวัง
ตัวอย่างการใช้เน็คไลน์ในการเทรด
ตัวอย่าง: การซื้อขายทองคำที่ราคา 2,300 ดอลลาร์
ลองนึกภาพว่า ราคาทองคำ (XAUUSD) ซื้อขายกันที่ประมาณ $2,300 หากคุณสังเกตกราฟราคาและสังเกตว่ามีรูปแบบศีรษะและไหล่เกิดขึ้น คุณจะเห็นจุดสูงสุดสามจุด: จุดแรกและจุดที่สาม (ไหล่) อยู่ต่ำกว่าจุดสูงสุดตรงกลาง (หัว) คอเสื้อเชื่อมเปลวไฟหลังจากจุดสูงสุดที่หนึ่งและที่สอง (ไหล่) เส้นนี้ทำหน้าที่เป็นแนวรับระดับวิกฤต
การซื้อขายโดยใช้คอเสื้อ:
- ระบุรูปแบบและแนวคอเสื้อ: มองหารูปแบบหัวและไหล่บนแผนภูมิ วาดเส้น (แนวคอเสื้อ) เชื่อมจุดต่ำสุดหลังไหล่ซ้ายและขวา เส้นนี้มีความสำคัญในการกำหนดจุดกลับตัวของแนวโน้ม
- รอการทะลุ: รูปแบบนี้ชี้ให้เห็นว่าหากราคาทะลุต่ำกว่าเส้นคอ แนวโน้ม bearish อาจตามมา การฝ่าวงล้อมนี้ส่งสัญญาณว่าแนวโน้มขาขึ้นก่อนหน้านี้อาจกลับตัวเป็นแนวโน้มขาลง ตัวอย่างเช่น หากราคาทองคำทะลุเส้นคอที่ 2,250 ดอลลาร์ ก็อาจบ่งบอกถึงความเคลื่อนไหวที่ลดลง
- ยืนยันการทะลุแนวรับ: เพื่อหลีกเลี่ยงสัญญาณเท็จ ให้ยืนยันการทะลุแนวรับด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น การทะลุแนวรับที่แท้จริงมักมาพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่มากขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงแรงกดดันการขายที่แข็งแกร่ง
- กำหนดจุดเข้าและจุดออก: เมื่อยืนยันการทะลุแนวรับแล้ว เทรดเดอร์อาจเข้าสู่ตำแหน่งขาย (เดิมพันว่าราคาจะลดลง) ราคาเป้าหมายอาจกำหนดได้ตามความสูงของรูปแบบ ตัวอย่างเช่น หากจุดสูงสุดอยู่ที่ 2,350 ดอลลาร์และแนวคออยู่ที่ 2,250 ดอลลาร์ ความสูงของรูปแบบจะอยู่ที่ 100 ดอลลาร์ หากลบจุดดังกล่าวออกจากระดับแนวคอ ราคาเป้าหมายที่เป็นไปได้อาจอยู่ที่ 2,150 ดอลลาร์
- การจัดการความเสี่ยง: ควรตั้งคำสั่ง stop-loss ไว้เสมอเพื่อจำกัดการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น หากราคาทะลุแนวรับและราคาขยับกลับขึ้นไปเหนือแนวรับ คำสั่ง stop-loss เหนือแนวรับเล็กน้อย (เช่น 2,260 ดอลลาร์) อาจช่วยลดการสูญเสียได้
สัมผัสประสบการณ์แพลตฟอร์มที่ได้รับรางวัลของ Skilling
ลองใช้แพลตฟอร์มการซื้อขายของ Skilling บนอุปกรณ์ที่คุณเลือกผ่านเว็บ Android หรือ iOS
สรุป
แม้ว่าเส้นคอใน การวิเคราะห์ทางเทคนิค จะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการระบุการกลับตัวของแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้น แต่ในฐานะผู้ซื้อขาย คุณควรใช้เส้นคอควบคู่กับตัวบ่งชี้อื่นๆ เพื่อยืนยันสัญญาณ สิ่งสำคัญคือต้องคอยดูปริมาณที่เพิ่มขึ้นระหว่างการทะลุแนวรับและตั้งคำสั่งตัดขาดทุนเป็น จัดการความเสี่ยง โปรดจำไว้ว่าไม่มีรูปแบบใดที่รับประกันการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต ดังนั้นควรใช้การวิเคราะห์ที่ครอบคลุมและกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงอยู่เสมอ การรวมเส้นคอเข้ากับเครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ จะช่วยให้คุณตัดสินใจซื้อขายได้ดีขึ้นและเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในตลาด
ที่มา: ivestopedia.com